วันอาทิตย์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2558

เหรียญฉลองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี


เหรียนสิบบาท


        เหรียญ 10 บาท สองสี  เหรียญฉลองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี กาญจนาภิเษก พ.ศ. 2539 เป็นเหรียญหมุนเวียน หายากมาก เหมาะสำหรับผู้ต้องการสะสมเอาไว้บูชาหรือเป็นอนุสรณ์แก่ลูกหลานในภายภาคหน้า
        เหรียญด้านหน้า(หัว) เป็นพระบรมสาทิสลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระพักตร์ตรง ข้อความรอบเหรียญวนจากซ้ายไปขวาว่า " พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช สยามินทราธราชบรมนาถบพิตร รัชกาลที่ ๙"
        เหรียญด้านหลัง(ก้อย) เป็นรูปตราสัญลักษณ์ งานฉลองสิริราชสมบัติ ครบ 50 ปี ออกแบบโดย นางสาววิยะดา เจริญสุข (เป็นแบบตราที่ชนะการประกวดตราสัญลักษณ์งานดังกล่าวโดยกรมศิลปากร และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระบรมราชวินิจฉัยเพื่อแก้ไขปรับปรุงแบบ ตราเพิ่มเติมก่อนพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ใช้ได้) ประกอบด้วย พระราชลัญจกรประจำพระองค์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ รัชกาลที่ 9 เป็นหลักสำคัญ มีตราพระบรมราชวงศ์จักรี และพระมหาพิชัยมงกุฎอยู่ด้านบน เป็นเครื่องแสดงถึงความเป็นพระมหากษัตริย์แห่งพระมหาจักรีบรมราชวงศ์ มีพานเครื่องสูง 2 ชั้น ที่มักอยู่ในมโนภาพของผู้คนทั่วไป เมื่อนึกถึงสัญลักษณ์ของรัฐธรรมนูญ อันเป็นเครื่องหมายแสดงถึงการปกครองในระบอบประชาธิปไตย โดยมีช้าง 2 เชือก เทินตราพระราชลัญจกร อยู่ภายใต้พระเศวตฉัตร มีข้อความรอบเหรียญวนจากซ้ายไปขวาว่า"ฉลองสิริราชสมบัติครบ ๕๐ ปี กาญจนาภิเษก ๙ มิถุนายน ๒๕๓๙ ประเทศไทย ๑๐ บาท"


เหรียญห้าบาท




        ในปี พ.ศ. 2539 กรมธนารักษ์จัดทำเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกชนิดราคา 5 บาท เพื่อเฉลิมฉลองพระราชพิธีกาญจนาภิเษก โดยเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกได้ถูกนำมาใช้จ่ายทั่วไปในท้องตลาดควบคู่ไปกับเหรียญกษาปณ์หมุนเวียนชนิดราคา 5 บาท พ.ศ. 2539


เหรียญหนึ่งบาท


         ในปี พ.ศ. 2539 กรมธนารักษ์จัดทำเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกชนิดราคา 1 บาท เพื่อเฉลิมฉลองพระราชพิธีกาญจนาภิเษก โดยผลิตควบคู่ไปกับเหรียญกษาปณ์หมุนเวียนชนิดราคา 1 บาท พ.ศ. 2539 เนื่องจากจำนวนเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกมีถึง 272,512,000 เหรียญ ซึ่งเป็นปริมาณที่มากกว่าจำนวนเหรียญกษาปณ์หมุนเวียนในปีเดียวกันหลายเท่า อีกทั้งเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกยังได้ถูกนำมาใช้จ่ายทั่วไปในท้องตลาด ทำให้ประชาชนไม่ค่อยพบเห็นเหรียญกษาปณ์หมุนเวียนชนิดราคา 1 บาท พ.ศ. 2539 มากนัก




เยอรมันเชฟเฟิร์ด


เยอรมันเชฟเฟิร์ด


ลักษณะทั่วไป

        สิ่งที่ประทับใจของผู้ที่ได้พบเห็นเยอรมันเช็พเพอดที่ดีคือ ความแข็งแรงว่องไว เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อตื่นตัวและมีชีวิตชีวา มองโดยรวมแล้วจะกลมกลืนและได้สัดส่วนกันระหว่างส่วนหน้าและส่วนท้าย ตัวจะยาวกว่าส่วนสูง ลำตัวลึก เส้นรอบตัวจะเป็นเส้นโค้งที่กลมกลืนแทนที่จะเป็นเหลี่ยมมุม มีขนาดค่อนข้างใหญ่และอ่อนแอ ให้ความรู้สึกไม่ว่าจะอยู่นิ่งหรือเคลื่อนไหวถึงความกระชับของกล้ามเนื้อและการเคลื่อนที่อย่างนุ่มนวล

ความเป็นมา

        มีถิ่นกำเนิดในประเทศเยอรมนี มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า "อัลเซเชี่ยน" ผู้คนนับพันนับหมื่นทีต้องอยู่ในโลกมืด ได้อาศัยเจ้าเยอรมันเช็พเพอดนี่แหละที่คอยเป็นพี่เลี้ยงนำทางไหนต่อไหนได้ พิทักษ์สันติราษฎร์ในเยอรมันนี แคนาดา ตามตรอกซอกซอยของบัลติมอร์ หรือในสวนสาธารณะของไฮด์ปาร์คที่มืดสลัว ไปด้วยม่านหมอกในใจกลางกรุงลอนดอน

        ย่อมรู้ดีว่าเขาเป็นเพื่อนร่วมงานรักษากฎหมาย ที่ไม่ย่นระย่ออย่างใดทั้งสิ้น เขาทำหน้าที่เฝ้าเหมืองเพชรในคิมเบอร์ลี่ย์ก็ได้ เฝ้าโรงเรียนในนิวยอร์คก็ได้ หรือให้เฝ้าฐานทัพอากาศที่ทริโปลีก็ได้ ไม่มีใครสามารถคำนวณได้ว่าสุนัขพันธุ์เยอรมันเช็พเพอด ได้ช่วยชีวิตคนไว้เท่าไรในสงครามโลกครั้งที่หนึ่งที่สอง โดยที่การดมกลิ่นหาทหารบาดเจ็บบ้าง ถือสารและลำเลียงเวชภัณฑ์บ้าง คอยเตือนหน่วยลาดตระเวนในป่าต่อการถูกซุ่มโจมตีบ้าง ตลอดจนการตรวจรักษาแนวชายฝั่งทะเลเพื่อกันการก่อวินาศกรรม และค้นหาชาวบ้านที่ถูกซากปรักหักพังทับถมอยู่เนื่องจากการถูกระเบิดทางอากาศ ในยามไม่มีศึกสงคราม มันก็ทำงานเป็นการกุศล

        เนื่องจากจมูกที่ไวสามารถนำคนค้นหาพวกที่ถูกหิมะถล่ม ฝังเอาไว้ในเทือกเขาแอลป์ของสวิส ในปัจจุบันสุนัขพันธุ์นี้มีรูปร่างที่สวยงาม เฉลียวฉลาดอย่างยิ่ง เป็นผลมาจากการผสมของสุนัขต้อนแกะหลายชนิดมานับศตวรรษ ซึ่งรวมเอาสุนัขที่มีขนาดย่อมแต่ว่องไวของท้องทุ่งเยอรมันภาคเหนือ กับสุนัขที่โตล่ำสันกว่าของภูมิภาคที่เป็นขุนเขาทางใต้เอาไว้ด้วย แม้จะสิ้นศตวรรษที่ 19 ยุคเลี้ยงแกะของเยอรมันได้สิ้นสุดลง แต่อย่างไรก็ตามนักเพาะพันธุ์สุนัขไม่กี่คนก็ยังพยายามสงวนพันธุ์อันมีคุณสมบัติอันวิเศษในการเลี้ยงแกะเอาไว้

       ซึ่งนับว่าควรแก่การยกย่องมากที่สุดได้แก่ ร้อยเอกทหารม้าผู้หนึ่งชื่อ มาร์กฟอนสเตฟานิตช์ ซึ่งได้ลงเรี่ยวลงแรงแข็งขัน เพื่อที่จะทำให้สุนัขพันธุ์นี้เข้ามาตรฐาน โดยเริ่มต้นตั้งแต่ปี 1889 และได้เจริญเติบโตเรื่อยมาจนมาเป็นสโมสรสุนัขที่ใหญ่ที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง โดยการเพาะพันธุ์สุนัขอย่างเดียว จากความพยายามของร้อยเอกฟอนสเตฟานนิตช์กับพรรคพวก ที่ได้พยายามเสาะหาสุนัขที่ใช้งานได้ดีและฉลาด และแล้วผลที่ได้ก็น่าภาคภูมิใจ ที่เมื่อมองสุนัขพันธุ์นี้ขณะที่มันปฏิบัติตามคำสั่งของนายโดยไม่ผิดพลาด





ลักษณะนิสัย

     เยอรมันเช็พเพอดมีบุคลิกที่เด่นชัดคือ มีการแสดงออกถึงความไม่หวาดหวั่นแต่ก็ไม่ก้าวร้าว มีความเชื่อมั่นในตนเอง มีความกระตือรือร้นและตื่นตัวกระฉับกระเฉง เต็มใจจะรับใช้เต็มที่ในลักษณะของการเป็นเพื่อน เป็นสุนัขเฝ้าบ้านนำทางผู้ที่อยู่ในโลกมืด เป็นสุนัขต้อนฝูงสัตว์ หรือทำหน้าที่อารักขา สุนัขจะไม่ขี้ขลาดหรือหลบอยู่หลังผู้เป็นเจ้านาย ไม่ควรจะอ่อนไหว ไม่มองไปรอบๆ หรือแหงนหน้ามอง ไม่แสดงอาการตื่นตระหนก โดยจะหางตกเมื่อได้ยินเสียงหรือมองเห็นสิ่งแปลกๆ หากสันขมีอุปนิสัยดังกล่าวข้างต้นจะถูกตัดสินว่ามีความบกพร่องอย่างร้ายแรง สุนัขจะต้องยอมให้กรรมการตรวจฟันและลูกอัณฑะ ถ้าหากสุนัขกัดกรรมการจะต้องถูกไล่ออกจากสนามประกวด สุนัขที่อยู่ในอุดมคติควรที่จะสามารถใช้งานในลักษณะที่ไม่หยิบโหย่ง ผสมผสานกับลำตัวและการก้าวย่างที่เหมาะกับงานการที่ทำ ซึ่งเป็นความต้องการขั้นพื้นฐาน


{pic-alt}

การดูแล
        เยอรมัน เชพเพิร์ด ต้องการการดูแลเอาใส่ใจ เขาเป็นสุนัขที่ร่าเริง และต้องการสิ่งเร้าทางใจอยู่บ้าง ดังนั้นการพาเดินควบคู่กับการฝึกวินัยเป็นประจำ จะเพิ่มคุณภาพชีวิตของสุนัขได้ดี นอกจากนี้ควรพาเขาไปออกกำลังกายเป็นประจำทุกวัน เพื่อเผาผลาญพลังงาน จะได้ไม่อ้วน และมีความมั่นคงทางอารมณ์ ไม่ดุ หรือ ก้าวร้าว การทำความสะอาดสัปดาห์ละครั้งก็เพียงพอ แต่ควรแปรงขนเป็นประจำอย่างน้อย 2 วันต่อครั้ง

ผู้เลี้ยงที่เหมาะสม
        ผู้เหมาะสมที่จะเลี้ยง เยอรมัน เชพเพิร์ด คือคนที่สามารถสั่งและควบคุมสุนัขของเขาได้ และในทางกลับกันก็ต้องให้ความเคารพในตัวสุนัขด้วย คนเหล่านี้ควรจะร่าเริง และมีความสุขกับสุนัขของเขาโดยปราศจากอาการหัวเสียหรือคาดหวังให้เป็นสุนัขขี้อ้อน

ข้อควรจำ

        การเลือกซื้อ เยอรมัน เชพเพิร์ด ให้ดี ควรแน่ใจว่า ทั้งประวัติพ่อพันธุ์และประวัติแม่พันธุ์ของลูกสุนัขตัวนั้นผ่านการตรวจโรคข้อสะโพกอักเสบแล้ว สภา เยอรมัน เชพเพิร์ด ของออสเตรเลีย ยังมีหลักสูตรการปรับปรุงพันธุ์ที่จะช่วยกรองสุนัขเพศผู้ ที่เป็นโรคโลหิตจางและโรคข้อศอกอักเสบอีกด้วย





มาตรฐานสายพันธุ์
ขนาด   สุนัขพันธุ์เยอรมันเช็พเพอดที่นิยมกัน จะอยู่ในสัดส่วนของความยาวต่อความสูงอยู่ระหว่าง 10 ต่อ 8.5 ความสูงของสุนัขเพศผู้วัดจากจุดสูงสุดของไหล่อยู่ระหว่าง 24-25 นิ้ว ส่วนเพศเมีย 22-24 นิ้ว ความยาววัดจากกระดูกอกไปยังตอนท้ายของกระดูกสะโพก
ศรีษะ   แข็งแรงได้สัดส่วนกับลำตัว ศีรษะของเพศผู้แลดูล่ำสัน ส่วนเพศเมียก็อ่อนช้อย ปากยาวและแข็งแรง มองจากด้านหน้าหน้าผากจะโค้งเล็กน้อย กะโหลกศีรษะลาดเทยาวเป็นรูปลิ่ม ดั้งจมูกจะไม่หักมาก กรามแข็งแรง
ฟัน  42 ซี่ ข้างบน 20 ซี่ ข้างล่าง 22 ซี่ แข็งแรงและสบกันแบบกรรไกร ฟันข้างบนยื่นไปข้างหน้าหรือการสบแบบเสมอเป็นลักษณะที่ไม่พึงประสงค์ ฟันล่างที่ยื่นไปข้างหน้าเป็นข้อบกพร่องที่ร้ายแรง ถ้าหากฟันซี่อื่นที่นอกเหนือไปจากฟันกรามเล็กก็ถือเป็นข้อบกพร่องร้ายแรงเช่นกัน
ปาก    กระบอกปากยาว ริมฝีสีดำกระชับ
ตา ขนาดปานกลาง รูปร่างเหมือนเมล็ดอัลมอนด์ ตั้งแบบเฉียงเล็กน้อยแต่ไม่โปนออกมา ตาควรจะดำมากที่สุดเท่าที่จะมากได้ มีแววตาที่ฉลาดและเฉียบแหลม
หู แหลมพอประมาณได้สัดส่วนกับกะโหลกศีรษะและเปิดไปข้างหน้า และจะตั้งชันเมื่อตั้งอกตั้งใจ หูที่อยู่ในอุดมคติเส้นกลางของใบหูเมื่อมองจากด้านหน้า จะขนานกันและจะตั้งฉากกับพื้น หูที่ถูกตัดหรือห้อยจะต้องถูกคัดออกจากสนามประกวด
จมูก จมูกดำเป็นมัน
คอ แข็งแรงและเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ ค่อนข้างยาวได้สัดส่วนกับศีรษะ หนังไม่หย่อนยาน เมื่อสุนัขตั้งใจหรือตื่นเต้นศีรษะจะชูสูง คอจะยืดออก โดยทั่วไปศีรษะจะยื่นไปข้างหน้ามากกว่าชูสูง แต่จะสูงกว่าไหล่เล็กน้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนเคลื่อนไหว
อก ลึก กว้าง แข็งแรง เมื่อเคลื่อนตัวจะยิ่งดูแข็งแกร่ง แต่ไม่เทอะทะใหญ่จนเกินไป
ลำตัว   โครงสร้างโดยรวมทำให้เกิดความรู้สึกถึงความลึกและแน่น แต่ไม่เทอะทะ อกควรจะเต็มและลงลึกอยู่ระหว่างขาทั้งสองข้าง อกกว้างมีเนื้อที่มากพอสำหรับหัวใจและปอดซี่โครงยาวและโค้งไม่เป็นรูปถังเบียร์หรือแบนมากเกินไป และไปจรดส่วนอกลงไปถึงข้อศอก หากซี่โครงอยู่ในลักษณะที่ถูกต้องจะทำให้ศอกหดกลับอย่างอิสระ ในขณะที่สุนัขกำลังวิ่งเหยาะๆ หากกระดูกซี่โครงโค้งออกมามากเกินไปจะทำให้ข้อศอกกางออก
เอว -
ขาหน้า จากไหล่ลงมาท่อนขาตรง กระดูแข็งแรง เป็นลักษณะวงรี ไม่ใช่วงกลม กระดูขาจะแบนเล็กน้อย 
ขาหลัง   ขาท่อนบนช่วงสะโพกหน้ากว้าง ลาดโค้งลงต่ำ เอนไปทางด้านหลัง ท่อนขาล่างกับบนทำมุม 120 องศา ขาท่อนล่างตรง มองจากด้านหลังจะเห็นขาท่อนล่างขนานกัน
หาง เป็นพวงข้อกระดูกสันหลัวข้อสุดท้ายอย่างน้อยจะยื่นไปต่อกระดูกขาหลัง หางตั้งอยู่ตรงตะโพกและห้อยลงขณะที่อยู่ในท่าพัก หางจะโค้งเล็กน้อย เมื่อสุนัขตื่นเต้นหรือกำลังเคลื่อนไหวหางจะโค้งและยกขึ้น แต่ไม่ควรโค้งไปข้างหน้าและเลยเส้นตั้งฉาก หางที่สั้นเกินเป็นข้อบกพร่องอย่างมาก หากหางถูกตัดจะถูกตัดสิทธิ์ไม่ให้ประกวด
ขน ควรมีขนสองชั้นและยาวปานกลาง ขนชั้นนอกควรจะแน่นมากที่สุดเท่าที่จะแน่นได้ ขนเหยียดตรง หยาบแนบไปกับลำตัว ขนชั้นนอกเป็นลอนเล็กน้อย ศีรษะรวมทั้งข้างในหู หน้าผาก ขาและเท้าจะปกคลุมด้วยขนสั้น ส่วนคอจะปกคลุมด้วยขนที่หนาและยาวกว่า ด้านหน้าของขาหน้าและขาหลังจะมีขนยาว  และยื่นไปปกคลุมข้อเท้าและข้อขาหลังตามลำดับ ขนที่นิ่มและคล้ายไหม, ขนชั้นนอกยาวเกินไป, ขนเหมือนขนสัตว์และหยิกเป็นลอนเป็นสิ่งที่ไม่พึงประสงค์
สีขน  ไม่มีสีที่แน่นอน แต่จะนิยมสีเข้มมากกว่า หากจมูกสีอ่อน สีฟ้าหรือเป็นสีตับเป็นข้อบกพร่องที่ร้ายแรง หากขนสีขาวหรือมีจมูกไม่ดำจะถูกห้ามไม่ให้ลงประกวด


มะขามป้อม

มะขามป้อม


มะข้ามป้อม

        มะขามป้อม ภาษาอังกฤษ คือ “Indian Gooseberry” ส่วนมะขามป้อมชื่อวิทยาศาสตร์จะใช้คำว่า “Phyllanthus emblica Linn.” เป็นสมุนไพรที่ชาวอินเดียใช้มา หลายพันปีแล้ว เพราะยาอายุวัฒนะ ซึ่งชาวอินเดียเรียกสมุนไพรหรือผลไม้ชนิดนี้ว่า Amalaka แปลว่า “พยาบาล” ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าสรรพคุณของมะขามป้อมนั้นมีมากมายเหลือเกินและเป็นผลไม้ประจำ จังหวัดสระแก้วอีกด้วย

        มะขามป้อมจัดเป็นผลไม้เพื่อสุขภาพและเป็นสมุนไพรพื้นบ้านอีกชนิดหนึ่งเพราะมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระอย่างวิตามินซีสูงมาก โดยประโยชน์มะขามป้อมหรือสรรพคุณมะขามป้อมนั้นมีมากมาย และยังใช้ เป็นยารักษาโรคบางชนิดได้อีกด้วย เพราะมะข้ามป้อมนั้นอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิดที่ประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น วิตามินเอ วิตามินบี3 วิตามินซี ธาตุแคลเซียม ธาตุฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก และยังประกอบไปด้วย คาร์โบไฮเดรต ใยอาหาร เป็นต้น และคุณรู้หรือไม่ว่าวิตามินซีในน้ำคั้นจากผลของมะข้ามป้อมนั้นมีมากกว่าน้ำส้มคั้นประมาณ 20 เท่า ซึ่งมะขามป้อมลูกเล็กๆ 1 ผล จะมีปริมาณวิตามินซี เท่ากับส้ม 1-2 ผลเลยทีเดียว

ต้นมะขามป้อม

        เนื่องจากมะขามป้อมมีรสเปรี้ยว รสฝาด อาจจะรับประทานยากสักหน่อยสำหรับบางคน การรับประทานมะขามป้อมนั้นควรปรุงรสให้อร่อยด้วยการนำมะขามป้อมมาผ่าเอาเมล็ดออกให้เหลือแต่เนื้อ แล้วนำมาใส่ พริก เกลือ น้ำตาล นำมาตำพอแหลกก็ใช้ได้ แต่ทั้งนี้ควรรับประทานก่อนนอนหรือช่วงตื่นนอนใหม่ๆหรือขณะที่ท้องว่าง สำหรับวิธีลดความฝากของมะขามป้อมนั้นทำได้โดยการนำไปแช่น้ำเกลือด้วยการนำ มะขามป้อมมาล้างให้สะอาดและลวกด้วยน้ำร้อนแล้วนำไปแช่ในน้ำเกลือที่เค็มจัดทิ้งไว้ประมาณ 2 วัน รสฝาดก็จะหายไป

การกระจายพันธุ์

        มะขามป้อมเป็นพืชที่ขึ้นอยู่ทั่วไปในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น ไทย ลาว พม่า เขมร อินเดีย จีน ประเทศไทย พบเห็นขึ้นประปรายเป็นหมู่ๆ ตามป่าเบญจพรรณแล้ง ป่าเต็งรัง และป่าแดงทั่วๆ ไป มีมากทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือ ภาคตะวันออก และภาคกลางของประเทศไทย
การกระจายพันธุ์เกิดขึ้นจากสัตว์ป่าจำพวกเก้งหรือกวาง รวมทั้งมนุษย์ กินลูกมะขามป้อมแล้วทิ้งเมล็ดไกลออกไป ทำให้การกระจายพันธุ์ได้กว้างมากขึ้น



ลักษณะทั่วไปของมะขามป้อม

ต้น มะขามป้อมเป็นไม้ยืนต้น ขนาดกลาง สูงประมาณ ๘-๑๒ เมตร โตเต็มที่วัดโดยรอบของต้นได้ประมาณ ๘๐ เซนติเมตร ลำต้นคดงอ เปลือกนอกสีน้ำตาลอมเทา ผิวค่อนข้างเรียบ เปลือกในสีชมพูสด เรือนยอดแผ่กระจายรูปทรงกลม ปลายกิ่งมักลู่ลง พุ่มใบโปร่ง เนื้อไม้สีแดงอมน้ำตาล
ใบ มะขามป้อมมีใบเป็นช่อ แต่ละช่อมีใบย่อยเล็กๆ รูปขอบขนานติดเป็นคู่ๆ เยื้องๆ กัน ปลายใบมน มีรอยหยักเว้าเล็กน้อย ขอบใบเรียบ สีเขียวอ่อน กว้าง ๐.๒๕-๐.๕๐ เซนติเมตร ยาว ๐.๘-๑.๒ เซนติเมตร เรียงชิดกัน ก้านใบสั้นมาก ใบย่อยจำนวน ๒๒ คู่ เส้นใบไม่ชัดเจน เส้นกลางใบเห็นได้รางๆ
ดอก มะขามป้อมมีดอกเล็ก สีขาวนวล แยกเพศกัน แต่เกิดบนกิ่งและต้นเดียวกัน ออกดอกตามง่ามใบ ๓-๕ ดอก มีกลีบรองดอก ๖ กลีบ ดอกเพศผู้มีเกสรเพศผู้ ๓ อัน ฐานรองดอกมี ๖ แฉก ดอกเพศเมีย มีฐานรองดอกเป็นรูปถ้วย ขอบถ้วยหยัก รังไข่มี ๓ ช่อง หลอดท่อรังไข่ปลายแยกเป็น ๒ แฉก ไม่เท่ากัน
ผล กลม มีเนื้อหนา เส้นผ่าศูนย์กลาง ๑.๒-๒ เซนติเมตร ผลอ่อนมีสีเขียวอ่อน ผลแก่มีสีเขียวค่อนข้างใส มีเส้นริ้วๆ ตามยาวพอสังเกตได้ ๖ เส้น เนื้อกินได้ มีรสฝาด เปรี้ยว ขม และอมหวาน เปลือกหุ้มเมล็ดแข็ง ๖ สัน มี ๖ เมล็ดใน ๑ ผล
ระยะเวลาในการออกดอกและเป็นผล ประมาณเดือนกันยายน และเป็นผลประมาณเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม-มกราคม-กุมภาพันธ์

การขยายพันธุ์ นิยมใช้เมล็ดที่กระตุ้น ด้วยความร้อนก่อนที่จะนำไปเพาะ


ประโยชน์ของมะข้ามป้อม

      1. นิยมนำมารับประทานเพื่อให้สดชื่น ชุ่มคอ แก้กระหาย
      2. วิตามินซีในมะขามป้อมสามารถดูดซึมได้เร็วกว่าวิตามินซีชนิดเม็ดเป็นอย่างมาก
      3. ใช้บำรุงผิวหน้าให้ขาวสดใส รักษาฝ้า ด้วยการนำมะขามป้อมมาฝนกับฝาละมีแล้วนำน้ำที่ได้มาทาบริเวณรอยฝ้า
      4. ช่วยบำรุงสุขภาพผิวพรรณ ชะลอการเกิดริ้วรอย
      5. ช่วยบำรุงและรักษาเส้นผมให้มีสุขภาพแข็งแรง ผมนุ่มลื่น ป้องกันผมหงอก ด้วยการทอดมะขามป้อมกับน้ำมันมะพร้าว แล้วเอาน้ำมันมาหมักผม
      6. ช่วยบำรุงและรักษาสายตา
      7. ช่วยในการบำรุงประสาทและสมอง
      8. มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง
      9. เป็นผลไม้ที่ช่วงบำรุงร่างกายได้เป็นอย่างดี โดยช่วยบำรุงอวัยวะแทบจะทุกส่วนของร่างกาย
      10. ช่วยบำรุงโลหิตได้เป็นอย่างดี
      11. มะขามป้อมมีเป็นยาแก้หวัด แก้ไอ และละลายเสมหะได้อีกด้วย โดยใช้ผลสดประมาณ 30 ผล นำมาคั้นเอาน้ำหรือนำมาต้มทั้งผลแล้วนำดื่มแทนน้ำ ทั้งนี้ควรเลือกมะขามป้อมที่แก่จัดผิวออกเหลืองจะได้ผลดีที่ สุดในการรักษาอาการไอและหวัด
      12. ใบสดมะขามป้อม นำมาต้มน้ำอาบลดอาการไข้
      13. มะขามป้อมมีฤทธิ์ในการต่อต้านการเกิดโรคมะเร็ง
      14. มะขามป้อมตัวช่วยในการลดคอเลสเตอรอล ลดน้ำตาล ลดไขมันในเลือดได้ด้วย
      15. ช่วยรักษาและป้องกันการเกิดโรคเลือดออกตามไรฟัน
      16. ใช้แก้อาการปวดฟันได้ ด้วยการใช้ปมกิ่งก้านต้มกับน้ำ แล้วนำมาอมบ้วนปากบ่อยๆ
      17. รสเปรี้ยวของมะขามป้อมช่วยในการละลายเสมหะและบำรุงเสียงได้เป็นอย่างดี
      18. รากแห้งมะขามป้อม นำมาต้มดื่มแก้อาการท้องเสีย ร้อนใน ความดันโลหิต
      19. ช่วยในการป้องกันการเกิดโรคเบาหวาน
      20. ช่วยลดอาการแทรกซ้อนทางตาจากโรคเบาหวานได้อีกด้วย
      21. มะขามป้อมเป็นส่วนประกอบใช้สำหรับการรักษาและป้องกันไข้วัดใหญ่ วัณโรครักษาภาวะของโรคเอดส์
      22. มะขามป้อมแห้ง ช่วยรักษาโรคบิด ใช้ล้างตา รักษาตาแดง ตาอักเสบได้
      23. มะขามป้อมแห้ง เมื่อนำมาผสมน้ำสนิมเหล็กจะช่วยแก้โรคดีซ่านได้
      24. มะขามป้อมช่วยป้องกันและรักษาโรคความดันโลหิตสูง
      25. ช่วยรักษาโรคคอตีบ
      26. ช่วยบำรุงปอด หลอดลม หัวใจ และกระเพาะ
      27. เมล็ดมะขามป้อม เมื่อนำมาตำเป็นผงชงกับน้ำร้อนดื่มช่วยรักษาโรคหอบ หืด หลอดลมอักเสบ อาการคลื่นไส้อาเจียนได้
      28. ช่วยป้องกันการเกิดแผลในกระเพาะอาหาร


มะขามป้อมแช่อิ่ม


      1. วัตถุดิบ ที่ต้องเตรียม มะขามป้อมสด 1 กิโลกรัม / เกลือป่น 1 ช้อนโต๊ะ / น้ำตาลใส 4 ช้อนโต๊ะ / น้ำปูนใส
      2. ล้างมะขามให้สะอาด แล้วใช้มีดฝานตามยาวของผลให้ทั่ว แต่ไม่ต้องให้ถึงเมล็ด
      3. นำเกลือป่นมาใส่หม้อ ใส่น้ำพอประมาณ แล้วต้มจนเดือด เสร็จแล้วนำมาทิ้งไว้ให้เย็น แล้วนำมะขามป้อมแช่ในน้ำเกลือทิ้งไว้ 1 คืน รุ่งเช้าให้นำมะขามป้อมมาล้างน้ำให้สะอาด แล้วแช่ในน้ำปูนใสประมาณ 3 ชั่วโมง น้ำปูนใสได้จากการแช่ปูนแดง แล้วทิ้งไว้ให้ปูนนอนก้น ตักเอาแต่น้ำใสๆมาแช่มะขามป้อม
เมื่อแช่จนครบกำหนด นำมาล้างน้ำอีกครั้ง แล้วใส่กระชอนให้สะเด็ดน้ำ ต้มน้ำตาลทรายและใส่น้ำ ต้มให้น้ำเดือด แล้วกรองให้สะอาด ทิ้งไว้ให้เย็น หลังจากนั้นนำมะขามป้อมมาแช่ในน้ำเชื่อมปิดฝาทิ้งไว้ 1 คืน
      4. วันที่ 2 มานำมะขามป้อมขึ้นจากน้ำเชื่อม แล้วเติมน้ำตาลลงในเชื่อมแล้วต้มให้น้ำตาลละลาย เมื่อน้ำเชื่อมเย็นแล้ว นำมะขามป้อมแช่อีกรอบ และทำเช่นนี้จนครบ 2 ครั้ง
      5. วันที่ 5 นำมะขามป้อมออกเอาแต่น้ำเชื่อมไปต้มให้เดือด ทิ้งไว้จนเย็น แช่มะขามป้อมใส่น้ำเชื่อมอีกจนกระทั่งน้ำเชื่อมซึมเข้าเนื้อมะขามป้อมจนเห็นเป็นเนื้อใสๆ เป็นอันเสร็จรับประทานได้เลย

ที่มา : http://frynn.com/%E0%B8%A1%E0%B8%B0%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%9B%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%A1/
: http://www.doctor.or.th/article/detail/1901

American Sniper

American Sniper


        หากพูดถึง คริส ไคลน์ ทุกคนอาจจะพอคุ้นหูกันมาบ้าง หากบอกว่าเขาคนนี้คือ สไนเปอร์มือ 1 และอดีตทหารหน่วยซีล ของสหรัฐฯ ที่มีสถิติสังหารผู้ก่อการร้ายมาแล้วถึง 160 คน และด้วยความเก่งกาจไม่เป็นสองรองใครเช่นนี้ ทำให้เขากลายเป็นที่ยกย่องจากคนในกองทัพสหรัฐฯและเป็นที่ยำเกรงของศัตรูด้วยเช่นกัน โดยผู้ก่อการร้ายชาวอิรักถึงกับตั้งฉายาให้เขาว่า Al-Shaitan (มีความหมายว่า "ปีศาจ") และมีการตั้งค่าหัวในราคาสูงอีกด้วย และก่อนที่หนัง American Sniper จะเข้าฉายในวันที่ 22 มกราคม 2558 เรามาติดตามเรื่องราวชีวิต และความเป็นมาคราว ๆ ของ คริส ไคลน์ กันก่อนดีกว่า

        


        คริส ไคลน์ ตัวละครสำคัญที่อาจเป็นทหารเกณฑ์คนหนึ่งในหลายล้านที่ปฏิบัติหน้าที่ไม่ใช่เพื่อทางสถิติ เขาปรากฏตัวในสงครามที่อิรักในฐานะสไนเปอร์มือดีในประวัติศาสตร์กองทัพสหรัฐฯ แต่ผู้สร้างฯ American Sniper รู้ถึงความสำคัญในการศึกษาเรื่องราวของผู้อยู่เบื้องหลังการเสียชีวิตของคนจำนวนมากด้วย

          ผู้กำกับฯ/ผู้สร้างฯ คลินต์ อีสต์วูด เล่าว่า "ผมเคยเล่นหนังสงครามมาแล้วหลายเรื่อง แต่เรื่องนี้ทำให้ผมตื่นเต้นเพราะมันมีการเปรียบเทียบระหว่างความกล้าหาญในสงครามกับชีวิตส่วนตัวของคริส ซึ่งยิ่งทำให้เขามีความน่าสนใจมากขึ้น มันทำให้เห็นผลกระทบจากสงครามที่มีต่อคน ๆ หนึ่ง แต่เขาก็มีความกดดันเรื่องครอบครัวด้วย ถือเป็นเรื่องดีที่มีการย้ำเตือนถึงความเสี่ยงเวลาที่มีคนถูกส่งเข้าสงครามและได้เห็นว่าพวกเขาต้องเสียสละอะไรบ้าง ผมคิดว่านั่นทำให้เรื่องราวมีความหมายเป็นพิเศษ"




         นักแสดงยังสังเกตเรื่อง American Sniper และเรื่องราวของมนุษย์ที่เป็นหัวใจสำคัญตามแนวของอีสต์วูดว่า การศึกษาธรรมชาติของผู้ที่ต้องใช้ความรุนแรงและความถูกต้องกลายเป็นเรื่องที่แยกกันไม่ออก "คริสไม่ใช่คนหัวรุนแรง อันที่จริงห่างจากความรุนแรงมาก แต่เมื่อถูกเรียกตัวเขาก็ไม่เกรงกลัวต่อภารกิจ เพราะเขาเชื่อมั่นว่าเหตุผลสำคัญกว่า ความกล้าหาญของเขาไม่ได้ขึ้นกับจำนวนของผู้ที่ถูกฆ่าในสงคราม มันยังขึ้นอยู่กับความสามารถในการเผชิญหน้ากับบาดแผลจากสงครามอีกด้วย ไม่ใช่แค่ตัวเขา แต่ครอบครัวของเขาด้วย"


คริส ไคลน์ สไนเปอร์โคตรพระกาฬ ใน American Sniper

        คริส ไคลน์ มีหลักการใช้ชีวิตง่าย ๆ คือ "พระเจ้า ประเทศชาติ ครอบครัว" สำหรับเขาแล้วนั่นไม่ใช่แค่ถ้อยคำ มันเป็นรากฐานของชีวิตในความรับผิดชอบ การช่วยเหลือ และการอุทิศตนให้สิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าตัวเอง สิ่งที่จำเป็นต่อหน่วยรบของกองทัพ รวมถึงภาระต่อคนที่เขารักมากที่สุด โดยเฉพาะ ทายา ภรรยาของเขา ในที่สุดก็บังคับให้เขาประเมินลำดับความคิด 3 อย่าง แต่ไม่ใช่คำมั่นที่เขามีต่อสิ่งเหล่านั้น

          อีสต์วูดยืนยันว่า "คริสโตมาพร้อมกับถ้อยคำนั้น เขายังซึมซับตั้งแต่เด็กด้วยว่าบางคนก็เกิดมาเพื่อเป็นผู้ปกป้อง และเขารู้ว่าชะตาชีวิตของเขาต้องเป็นแบบนั้น นั่นคือสิ่งที่ผลักดันให้เขาทำมากกว่าการเดินทาง แม้ว่าเขาต้องพบกับความลังเลในการทิ้งครอบครัวไว้เบื้องหลัง เขาเป็นคนหนึ่งที่พร้อมยอมทำเกินหน้าที่เสมอ"



คริส ไคลน์ สไนเปอร์


        ชื่อเสียงของไคลน์สร้างชื่อให้ตัวเองมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว และได้รับความสนใจจากผู้สร้างฯ        ปีเตอร์ มอร์แกน และแอนดรูว์ ลาซาร์ รวมถึง ฮัล มอร์แกน เล่าว่า "เราได้ยินเรื่องรางวัลของเขาในฐานะของหน่วยรบของกองทัพ และรู้ว่าเขาเป็นผู้ที่รักชาติมาก แต่ยิ่งเราค้นหาข้อมูลก็ยิ่งเห็นว่าจริง ๆ แล้วเขาเป็นคนดีขนาดไหน… ครอบครัว เพื่อน ๆ และผู้ที่ปฏิบัติหน้าที่เคียงข้างเขารักและชื่นชมเขาขนาดไหน เราอยากสร้างเรื่องราวขึ้นมาจากความรู้สึกที่รายล้อมรอบตัวเขา สิ่งต่าง ๆ ที่เป็นตัวผลักดันเขา"

          ก่อนจะเริ่มเขียนบทฯ ฮัลได้เดินทางไปที่เท็กซัสเพื่อพบกับไคลน์ "ตอนแรกเขาพูดไม่ค่อยเก่ง" นักเขียนกล่าว "พอถึงช่วงที่ผมกลับ ผมรู้สึกว่าอยากถ่ายทอดเรื่องราวโดยได้ความวางใจจากเขา ตอนที่ผมกำลังจะเดินออกนอกประตูเขาบอกว่า "แต่เรากำลังจะเขียนหนังสือขึ้นมานะ" ตอนแรกดูเหมือนหนังสือจะเป็นตัวอุปสรรค แต่สุดท้ายมันกลายเป็นแหล่งข้อมูลอย่างวิเศษมากครับ"

คริส ไคลน์ สไนเปอร์โคตรพระกาฬ ใน American Sniper

        เซียนนา มิลเลอร์ ผู้รับบท ทายา ไคลน์ เล่าว่า "หัวใจสำคัญคือนี่เป็นเรื่องราวระหว่างมนุษย์สองคน คนหนึ่งต้องทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่และคาดไม่ถึง ต้องห่างไกลจากบ้านและต้องพยายามประคองครอบครัวของเธอไว้ ความรับผิดชอบต่อหน้าที่ของคริสมีความยิ่งใหญ่มากเพราะเขามีนิสัยแบบนั้น เขาเชื่อว่าถ้าเขาอยู่กับครอบครัวจะต้องมีคนตายเพิ่มขึ้น และมันเป็นเรื่องที่ต้องอึดอัดกับเรื่องศีลธรรม ซึ่งมันยากสำหรับเธอเช่นกันค่ะ ฉันคิดว่าทายาเข้าใจสถานการณ์ของเขา เธอพยายามใจเย็น ให้กำลังใจสามี แต่มันอาจเป็นเรื่องยากที่จะจัดการได้เมื่อมีลูกเข้ามาเกี่ยวข้องและลึก ๆ แล้วเราก็แทบจะระเบิด มันทำให้เรื่องราวมีเสน่ห์และเป็นเรื่องสะเทือนใจที่ต้องเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย การได้พบกับทายาทำให้ฉันรู้สึกว่าฉันมีหน้าที่แสดงให้ถูกต้องค่ะ"
ที่มา : http://movie.kapook.com/view109960.html 

ตัวอย่างหนัง American Sniper



วันพุธที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2558

วง Bodyslam

วง Bodyslam


ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ bodyslam

ความเป็นมาของวง Bodyslam        

        วงบอดี้สแลมเดิมเรียกว่า วงละอ่อน ในปี พ.ศ. 2539 วงได้ชนะการประกวดวงดนตรี Hot Wave Music Award และได้ออกจำหน่ายอัลบั้มกับค่ายมิวสิก บั๊กส์ ในชื่อ ละอ่อน ในปี พ.ศ. 2540 ด้วยแนวเพลงป็อปร็อก เพลงหนึ่งในอัลบั้ม "ได้หรือเปล่า" เป็นเพลงที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดของวง ต่อมาได้ออกอัลบั้มชุดที่สอง เทพนิยายนายเสนาะ ในปี พ.ศ. 2541 แต่หลังจากนั้นวงก็ได้แยกย้ายกันไปเรียนต่อ
        ต่อมาวงกลับมาอีกครั้งในปี พ.ศ. 2545 ด้วยชื่อใหม่ บอดี้สแลม และมีเปลี่ยนแนวเพลงไปเป็นร็อกที่หนักหน่วงมากขึ้น ด้วยสมาชิกเพียงสามคนที่เหลืออยู่ ได้แก่ นักร้องนำ อาทิวราห์ คงมาลัย มือเบส ธนดล ช้างเสวก และมือกีตาร์ รัฐพล พรรณเชษฐ์ วงอธิบายว่า ที่มาของชื่อนี้มาจากชื่อท่าหนึ่งของมวยปล้ำ แต่ถ้าแปลความหมายตรงตัว บอดี้ แปลว่าร่างกาย สแลม คือการทุ่ม เมื่อมารวมกันเป็น บอดี้สแลม ก็จะหมายถึง การทุ่มสุดตัว คือการทำงานเพลงกันเต็มที่แบบทุ่มสุดตัว


สมาชิกในวง

สมาชิกปัจจุบัน

1.   อาทิวราห์ คงมาลัย (ตูน) – ร้องนำ, กีตาร์ (พ.ศ. 2545–ปัจจุบัน)
    
  


 2.  ธนดล ช้างเสวก (ปิ๊ด) – กีตาร์เบส, ร้องประสาน (พ.ศ. 2545–ปัจจุบัน)

      


3.  ธนชัย ตันตระกูล (ยอด) – กีตาร์นำ (พ.ศ. 2548–ปัจจุบัน)

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ pvf bodyslam



4.  สุชัฒติ จั่นอี๊ด (ชัช) – กลอง (พ.ศ. 2546–ปัจจุบัน) (แบกอัป:พ.ศ. 2545–2546)




5.  โอม เปล่งขำ (โอม) – คีย์บอร์ด, ร้องประสาน (พ.ศ. 2553–ปัจจุบัน) (แบ็กอัพ: พ.ศ. 2550–2553)


อัลบัม


ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ อัลบั้ม bodyslam

อัลบั้ม บอดี้สแลม และ ไดรฟ์ (2545–2547)
        อัลบั้มชุดแรกของวงที่มีชื่อเดียวกันกับชื่อวงใหม่และได้ประสบความสำเร็จ ต่อมาได้ออกจำหน่ายอัลบั้มชุดที่สอง Drive ในปี พ.ศ. 2546 เป็นอัลบั้มที่ประสบความสำเร็จเท่ากันกับอัลบั้มชุดแรกบอดี้สแลม ได้ชนะรางวัลมิวสิกวิดีโอในสาขา "กลุ่มศิลปินที่เป็นที่ชื่นชอบ" ในมิวสิกวิดีโอของเพลง "ปลายทาง"   ในวันที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2547 บอดี้สแลมได้ออกคอนเสิร์ต HOTWAVE LIVE: BODYSLAM MAXIMUM LIVE จัด ณ หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ท่าพระจันทร์) ซึ่งเป็นคอนเสิร์ตที่ทางคลื่นร้อน 91.5 Hot Wave จัดให้โดยเป็นคอนเสิร์ตครั้งแรกของทั้ง 3 หนุ่ม ตูน-อาทิวราห์ คงมาลัย, ปิ๊ด-ธนดล ช้างเสวก, เภา-รัฐพล พรรณเชษฐ โดยมีศิลปินรับเชิญคือ ปู แบล็คเฮด, อ๊อฟ บิ๊กแอส, ป๊อด โมเดิร์นด็อก



ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ อัลบั้ม บีลีฟ วง bodyslam

อัลบั้ม บีลีฟ (2548–2549)
        หลังจากอัลบั้มที่สอง บอดี้สแลมได้มีการเปลี่ยนแปลงมากมาย วงได้ออกจากค่ายมิวสิก บั๊กส์และได้เซ็นสัญญากับจีนี่เรคคอร์ดส ในเครือจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ค่ายเพลงใหญ่ของประเทศไทย ต่อมามือกีตาร์ของวง เภา รัฐพล พรรณเชษฐ์ ได้ออกจากวงบอดี้สแลม และออกอัลบั้มเดี่ยวในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2548 ในอัลบั้มชื่อ Present Perfect สังกัดค่ายสนามหลวง ทำให้บอดี้สแลมเหลือสมาชิกวงอยู่ 4 คน และได้คว้าตัวมือกีตาร์คนใหม่ คือ ยอด ธนชัย ตันตระกูล และออกสตูดิโออัลบั้มชุดที่สามของวง Believe ในปี พ.ศ. 2548 ในวันที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2548 บอดี้สแลมได้ออกคอนเสิร์ตวันคุ้มครองโลก ในชื่อ Bodyslam Believe Concert ที่ Thunder Dome เมืองทองธานี โดยมีแขกรับเชิญ 2 คน คือ บอย - อนุวัฒน์ สงวนศักดิ์ภักดี (บอย PEACEMAKER) และ เภา - รัฐพล พรรณเชษฐ์ อดีตมือกีตาร์ของวง ในวันที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2548 ได้ออกคอนเสิร์ต BIG BODY ที่อิมแพค อารีน่า เมืองทองธานี โดยจัดร่วมกับวงบิ๊กแอส และได้แสดงร่วมกับวงบิ๊กแอสอีกครั้งในวันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2549 ในคอนเสิร์ต M-150 สุดชีวิตคนไทย ที่อิมแพค อารีน่า เมืองทองธานี และยังได้แสดงร่วมกับ โปเตโต้, เสก โลโซ, ลานนา คัมมินส์, และ ไมค์ ภิรมย์พร



ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ อัลบั้ม เซฟมายไลฟ์ วง bodyslam

อัลบั้ม เซฟมายไลฟ์ (2550–2551)
        ในวันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2550 บอดี้สแลมได้ออกจำหน่ายสตูดิโออัลบั้มชุดที่สี่ เซฟมายไลฟ์ (Save My life) และได้ออกคอนเสิร์ตใหญ่ในกรุงเทพในต้นเดือนตุลาคมปีเดียวกัน ในวันที่ 20-21 ตุลาคม พ.ศ. 2550 บอดี้สแลมได้ออกคอนเสิร์ต BODYSLAM SAVE MY LIFE CONCERT ที่อินดอร์ สเตเดี้ยม หัวหมาก โดยมีแขกรับเชิญ ได้แก่ โก้ Mr.Saxman ในเพลง "นาฬิกาตาย", ปู พงษ์สิทธิ์ คัมภีร์ ในเพลง "ความเชื่อ", "แม่" และ ปนัดดา เรืองวุฒิ ในเพลง "แค่หลับตา", แอ๊ด คาราบาว ในเพลง "ความเชื่อ", "รักต้องสู้" และทีมเชียร์ลีดเดอร์จากมหาวิทยาลัยรังสิต ในเพลง "ท่านผู้ชม"

        ความสำเร็จจากอัลบั้มใหม่ทำให้วงมีแฟนคลับขนาดใหญ่ขึ้น และกลายเป็นหนึ่งในวงดนตรีที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในประเทศไทย อัลบั้มเซฟมายไลฟ์ ได้ชนะในสีสันอะวอร์ด ครั้งที่ 20 ในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2551 สาขาศิลปินกลุ่มร็อกยอดเยี่ยม อัลบั้มร็อกยอดเยี่ยม และเพลงร็อกยอดเยี่ยม สำหรับเพลง "ยาพิษ"[3] และได้ออกคอนเสิร์ตในวันที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2551 ในชื่อคอนเสิร์ต EVERY BODYSLAM CONCERT ที่อิมแพค อารีน่า เมืองทองธานี โดยมีศิลปินรับเชิญ ได้แก่ ฟักแฟง            โน มอร์ เทียร์-ไปรยา มลาศรี ในเพลง "แค่หลับตา" และบุดด้าเบลส



ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ อัลบั้ม คราม วง bodyslam

อัลบั้ม คราม (2552–2555)
        ซิงเกิล "คราม" ออกในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2552 พร้อมกับสตูดิโออัลบั้มชุดที่ห้าของวง คราม ออกจำหน่ายในกลางปี พ.ศ. 2553 (หลังจากเลื่อนไปเป็นมิถุนายน พ.ศ. 2553 จากการชุมนุมของแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ พ.ศ. 2553) วงได้ออกแสดงคอนเสิร์ตใหญ่ที่เรียกว่า บอดี้สแลมไลฟ์อินคราม ที่ราชมังคลากีฬาสถาน ในวันที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553 ด้วยผู้ชมมากกว่า 65,000 คน โดยมีศิลปินรับเชิญ ได้แก่ ศิริพร อำไพพงษ์ ในเพลง "คิดฮอด" อุ๋ย บุดด้าเบลส และฟักกลิ้ง ฮีโร่         ในเพลง "Sticker" และวงบิ๊กแอส และได้สำเร็จทัวร์ในวันที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2554 ด้วยคอนเสิร์ต         บอดี้สแลมไลฟ์อินลาว : เวิลด์ทัวร์ ที่สนามกีฬาแห่งชาติลาว และในปี พ.ศ. 2555 ได้จัดคอนเสิร์ต        บอดี้สแลมนั่งเล่น ที่ IMPACT EXHIBITION HALL 1 ในวันที่ 10-12 กุมภาพันธ์



ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ อัลบั้ม ดัม-มะ-ชา-ติ วง bodyslam

อัลบั้ม ดัม-มะ-ชา-ติ (2556–ปัจจุบัน)
        สตูดิโออัลบั้มชุดที่หกของวง ดัม-มะ-ชา-ติ (dharmajāti) ในภาษาสันสกฤตหมายถึง "ธรรมชาติ" ออกจำหน่ายในวันที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2557 และมีกำหนดการออกคอนเสิร์ตบอดี้สแลม ปรากฏการณ์ ดัม-มะ-ชา-ติ โดยเป็นการทัวร์คอนเสิร์ตเต็มรูปแบบครั้งแรกของวง เพื่อสนับสนุนอัลบั้ม ดัม-มะ-ชา-ติ โดยเริ่มแสดงตั้งแต่วันที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2557 – 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

        และเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 ยุทธนา บุญอ้อม ได้ประกาศยกเลิกทัวร์ bodyslam ปรากฏการณ์ ดัม-มะ-ชา-ติ ที่เหลือทั้งหมด โดยจัดที่จังหวัดนครราชสีมาเป็นจังหวัดสุดท้าย เนื่องจากเหตุการณ์ความไม่พอใจของแฟนเพลงในกรณีการประกาศลดราคาค่าตั๋วเข้าชมร่วมกับสปอนเซอร์ จากเดิม 1,500 บาท เหลือ 399 บาท 

เกียรติประวัติ

รางวัล

ปีประเภทรางวัลหมายเหตุ
พ.ศ. 2548รางวัลศิลปินสุดฮิตแห่งปี
จากงาน Hitz 40 Awards 2005
พ.ศ. 2548รางวัลเพลงฮิตแห่งปี
จากงาน Hitz 40 Awards 2005
เพลง "ขอบฟ้า"
พ.ศ. 2548รางวัลเพลงยอดเยี่ยม
จากงานคมชัดลึก อวอร์ด ครั้งที่ 3
เพลง "ความเชื่อ"
พ.ศ. 2549รางวัลศิลปินยอดนิยมประเทศไทย
จากงานเอ็มทีวี เอเชีย อวอร์ดส
ได้เข้าชิง 1 ใน 5 ของงานเอ็มทีวี เอเชีย
พ.ศ. 2549รางวัล Song of the Year
จากงาน FAT AWARDS ครั้งที่ 4 ณ ลานกลางแจ้ง ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย
เพลง "ความเชื่อ"
พ.ศ. 2549รางวัลอัลบั้มยอดนิยม
จากงาน FAT AWARDS ครั้งที่ 4 ณ ลานกลางแจ้ง ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย
อัลบั้ม "บีลีฟ"
พ.ศ. 2549รางวัลศิลปินร็อกยอดเยี่ยมสุดซี้ดประจำปี
จากงาน Seed Awards ครั้งที่ 1 ประจำปี 2005
พ.ศ. 2549รางวัลเพลงยอดเยี่ยมสุดซี้ดประจำปี
จากงาน Seed Awards ครั้งที่ 1 ประจำปี 2005
เพลง "ความเชื่อ"
พ.ศ. 2550รางวัลศิลปินกลุ่มร็อกยอดเยี่ยม
จากงานสีสันอวอร์ด ครั้งที่ 20
พ.ศ. 2550รางวัลอัลบั้มร็อกยอดเยี่ยม
จากงานสีสันอวอร์ด ครั้งที่ 20
อัลบั้ม "เซฟมายไลฟ์"
พ.ศ. 2550รางวัลเพลงร็อกยอดเยี่ยม
จากงานสีสันอวอร์ด ครั้งที่ 20
เพลง "ยาพิษ"
พ.ศ. 2550จากงานศิลปินกลุ่มยอดเยี่ยม
จากงานสตาร์เอนเตอร์เทนเมนต์อวอร์ดส 2007 ครั้งที่ 6
อัลบั้ม "เซฟมายไลฟ์"
พ.ศ. 2550รางวัลเพลงยอดเยี่ยม
จากงานคม ชัด ลึก อวอร์ด ครั้งที่ 5 ประเภทเพลงไทยสากล
เพลง "ยาพิษ"
พ.ศ. 2551รางวัล Record of The Year
จากงาน FAT AWARDS ครั้งที่ 6
เพลง "ยาพิษ"
พ.ศ. 2551รางวัลวงดนตรียอดนิยม
จากงาน Music Express Awards 2007
พ.ศ. 2551รางวัลมิวสิกวีดีโอยอดนิยม
จากงาน Music Express Awards 2007
เพลง "ยาพิษ"
พ.ศ. 2551รางวัลศิลปินร็อกยอดเยี่ยมสุดซี้ดประจำปี
จากงาน Seed Awards ครั้งที่ 3
พ.ศ. 2551รางวัลอัลบั้มร็อกยอดเยี่ยมสุดซี้ดประจำปี
จากงาน Seed Awards ครั้งที่ 3
อัลบั้ม "เซฟมายไลฟ์"
พ.ศ. 2551รางวัลนักร้องสุดปลื้ม
จากงาน 94 EFM festival ครั้งที่ 2
พ.ศ. 2553รางวัลศิลปินร็อกยอดนิยมสุดซี๊ดประจำปี
จากงาน SEED AWARDS ครั้งที่ 5
พ.ศ. 2553รางวัลสาขาศิลปินยอดนิยม
จาก Young & Smart Vote 2010
พ.ศ. 2553รางวัลศิลปินที่สุดแห่งปี 2010
จาก Channel [V] Thailand รายการ I am Siam กับที่สุดแห่งปี 2010
พ.ศ. 2554รางวัลศิลปินกลุ่มยอดเยี่ยม
จากงานคม ชัด ลึก อวอร์ด ครั้งที่ 8 ประเภทเพลงไทยสากล
พ.ศ. 2554รางวัลเพลงยอดเยี่ยม
จากงานคม ชัด ลึก อวอร์ด ครั้งที่ 8 ประเภทเพลงไทยสากล
เพลง "คิดฮอด"
พ.ศ. 2554รางวัลอัลบั้มยอดเยี่ยม
จากงานคม ชัด ลึก อวอร์ด ครั้งที่ 8 ประเภทเพลงไทยสากล
อัลบั้ม "คราม"
พ.ศ. 2554รางวัลศิลปินร็อกยอดเยี่ยมสุดซี้ดประจำปี
จากงาน Seed Awards ครั้งที่ 6
พ.ศ. 2554รางวัลอัลบั้มร็อกยอดเยี่ยมสุดซี้ดประจำปี
จากงาน Seed Awards ครั้งที่ 6
อัลบั้ม "คราม"
พ.ศ. 2554รางวัลอัลบั้มยอดเยี่ยมสุดซี้ดประจำปี
จากงาน Seed Awards ครั้งที่ 6
อัลบั้ม "คราม"
พ.ศ. 2554รางวัลเพลงยอดเยี่ยมสุดซี้ดประจำปี
จากงาน Seed Awards ครั้งที่ 6
เพลง "คิดฮอด"
พ.ศ. 2554รางวัลเพลงในการบันทึกเสียงยอดเยี่ยม
จากงานรางวัลสีสันอวอร์ดส์ ครั้งที่ 23
เพลง "คิดฮอด"
พ.ศ. 2554รางวัลเพลงร็อกยอดเยี่ยม
จากงานรางวัลสีสันอวอร์ดส์ ครั้งที่ 23
เพลง "คราม"
พ.ศ. 2554รางวัลศิลปินกลุ่มโดนใจ
จากงาน PlayPark FanFest 2011
พ.ศ. 2554รางวัลศิลปินไทยกลุ่มยอดนิยม
จากงาน Channel [V] Thailand Music Video Awards ครั้งที่ 7
พ.ศ. 2555รางวัลศิลปิน Popular Vote
จากงาน The Guitar 1st Decade Anniversary Awards 2011
พ.ศ. 2555รางวัลศิลปินโชว์ยอดเยี่ยมสุดซี้ดประจำปี
จากงาน Seed Awards ครั้งที่ 7
พ.ศ. 2555รางวัลศิลปินกลุ่ม มณีเมขลา ดีเด่นยอดนิยม
จากงานรางวัลมณีเมขลา ครั้งที่ 24 พ.ศ. 2555
พ.ศ. 2555รางวัลศิลปินร๊อคยอดนิยม
จากงาน Kazz Award 2012
พ.ศ. 2555รางวัลศิลปินรุ่นเดอะ ผู้สร้างแรงบันดาลใจในรอบ 12 ปี
จากงาน Fat award 2012
พ.ศ. 2557รางวัลสุดยอดเพลงแห่งปี
จากงาน แบง มิวสิก อวอร์ดส์ 2014
เพลง "เรือเล็กควรออกจากฝั่ง"
พ.ศ. 2557รางวัลสุดยอดมิวสิกวิดีโอแห่งปี
จากงาน แบง มิวสิก อวอร์ดส์ 2014
เพลง "เรือเล็กควรออกจากฝั่ง"
พ.ศ. 2558รางวัลเบสแบนด์ออฟเดอะเยียร์
จากงาน The Guitar Mag Awards 2015 "Real Awards for Real Artists" ณ เอเชียทีค
พ.ศ. 2558รางวัลเบสอัลบั้มออฟเดอะเยียร์
จากงาน The Guitar Mag Awards 2015 "Real Awards for Real Artists" ณ เอเชียทีค
อัลบั้ม "ดัม-มะ-ชา-ติ"

ตัวอย่างเพลงฮิตในแต่ละอัลบั้ม


1.  อัลบั้ม บอดี้สแลม และ ไดรฟ์  เพลง "งมงาย"




2.   อัลบั้ม บีลีฟ เพลง "ความเชื่อ"




3.  อัลบั้ม เซฟมายไลฟ์ เพลง "อกหัก"




4.  อัลบั้ม คราม เพลง "คิดฮอด"




5.  อัลบั้ม ดัม-มะ-ชา-ติ เพลง "ดัม-มะ-ชา-ติ"