American Sniper

หากพูดถึง คริส ไคลน์ ทุกคนอาจจะพอคุ้นหูกันมาบ้าง หากบอกว่าเขาคนนี้คือ สไนเปอร์มือ 1 และอดีตทหารหน่วยซีล ของสหรัฐฯ ที่มีสถิติสังหารผู้ก่อการร้ายมาแล้วถึง 160 คน และด้วยความเก่งกาจไม่เป็นสองรองใครเช่นนี้ ทำให้เขากลายเป็นที่ยกย่องจากคนในกองทัพสหรัฐฯและเป็นที่ยำเกรงของศัตรูด้วยเช่นกัน โดยผู้ก่อการร้ายชาวอิรักถึงกับตั้งฉายาให้เขาว่า Al-Shaitan (มีความหมายว่า "ปีศาจ") และมีการตั้งค่าหัวในราคาสูงอีกด้วย และก่อนที่หนัง American Sniper จะเข้าฉายในวันที่ 22 มกราคม 2558 เรามาติดตามเรื่องราวชีวิต และความเป็นมาคราว ๆ ของ คริส ไคลน์ กันก่อนดีกว่า

คริส ไคลน์ ตัวละครสำคัญที่อาจเป็นทหารเกณฑ์คนหนึ่งในหลายล้านที่ปฏิบัติหน้าที่ไม่ใช่เพื่อทางสถิติ เขาปรากฏตัวในสงครามที่อิรักในฐานะสไนเปอร์มือดีในประวัติศาสตร์กองทัพสหรัฐฯ แต่ผู้สร้างฯ American Sniper รู้ถึงความสำคัญในการศึกษาเรื่องราวของผู้อยู่เบื้องหลังการเสียชีวิตของคนจำนวนมากด้วย
ผู้กำกับฯ/ผู้สร้างฯ คลินต์ อีสต์วูด เล่าว่า "ผมเคยเล่นหนังสงครามมาแล้วหลายเรื่อง แต่เรื่องนี้ทำให้ผมตื่นเต้นเพราะมันมีการเปรียบเทียบระหว่างความกล้าหาญในสงครามกับชีวิตส่วนตัวของคริส ซึ่งยิ่งทำให้เขามีความน่าสนใจมากขึ้น มันทำให้เห็นผลกระทบจากสงครามที่มีต่อคน ๆ หนึ่ง แต่เขาก็มีความกดดันเรื่องครอบครัวด้วย ถือเป็นเรื่องดีที่มีการย้ำเตือนถึงความเสี่ยงเวลาที่มีคนถูกส่งเข้าสงครามและได้เห็นว่าพวกเขาต้องเสียสละอะไรบ้าง ผมคิดว่านั่นทำให้เรื่องราวมีความหมายเป็นพิเศษ"

นักแสดงยังสังเกตเรื่อง American Sniper และเรื่องราวของมนุษย์ที่เป็นหัวใจสำคัญตามแนวของอีสต์วูดว่า การศึกษาธรรมชาติของผู้ที่ต้องใช้ความรุนแรงและความถูกต้องกลายเป็นเรื่องที่แยกกันไม่ออก "คริสไม่ใช่คนหัวรุนแรง อันที่จริงห่างจากความรุนแรงมาก แต่เมื่อถูกเรียกตัวเขาก็ไม่เกรงกลัวต่อภารกิจ เพราะเขาเชื่อมั่นว่าเหตุผลสำคัญกว่า ความกล้าหาญของเขาไม่ได้ขึ้นกับจำนวนของผู้ที่ถูกฆ่าในสงคราม มันยังขึ้นอยู่กับความสามารถในการเผชิญหน้ากับบาดแผลจากสงครามอีกด้วย ไม่ใช่แค่ตัวเขา แต่ครอบครัวของเขาด้วย"

คริส ไคลน์ มีหลักการใช้ชีวิตง่าย ๆ คือ "พระเจ้า ประเทศชาติ ครอบครัว" สำหรับเขาแล้วนั่นไม่ใช่แค่ถ้อยคำ มันเป็นรากฐานของชีวิตในความรับผิดชอบ การช่วยเหลือ และการอุทิศตนให้สิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าตัวเอง สิ่งที่จำเป็นต่อหน่วยรบของกองทัพ รวมถึงภาระต่อคนที่เขารักมากที่สุด โดยเฉพาะ ทายา ภรรยาของเขา ในที่สุดก็บังคับให้เขาประเมินลำดับความคิด 3 อย่าง แต่ไม่ใช่คำมั่นที่เขามีต่อสิ่งเหล่านั้น
อีสต์วูดยืนยันว่า "คริสโตมาพร้อมกับถ้อยคำนั้น เขายังซึมซับตั้งแต่เด็กด้วยว่าบางคนก็เกิดมาเพื่อเป็นผู้ปกป้อง และเขารู้ว่าชะตาชีวิตของเขาต้องเป็นแบบนั้น นั่นคือสิ่งที่ผลักดันให้เขาทำมากกว่าการเดินทาง แม้ว่าเขาต้องพบกับความลังเลในการทิ้งครอบครัวไว้เบื้องหลัง เขาเป็นคนหนึ่งที่พร้อมยอมทำเกินหน้าที่เสมอ"

ชื่อเสียงของไคลน์สร้างชื่อให้ตัวเองมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว และได้รับความสนใจจากผู้สร้างฯ ปีเตอร์ มอร์แกน และแอนดรูว์ ลาซาร์ รวมถึง ฮัล มอร์แกน เล่าว่า "เราได้ยินเรื่องรางวัลของเขาในฐานะของหน่วยรบของกองทัพ และรู้ว่าเขาเป็นผู้ที่รักชาติมาก แต่ยิ่งเราค้นหาข้อมูลก็ยิ่งเห็นว่าจริง ๆ แล้วเขาเป็นคนดีขนาดไหน… ครอบครัว เพื่อน ๆ และผู้ที่ปฏิบัติหน้าที่เคียงข้างเขารักและชื่นชมเขาขนาดไหน เราอยากสร้างเรื่องราวขึ้นมาจากความรู้สึกที่รายล้อมรอบตัวเขา สิ่งต่าง ๆ ที่เป็นตัวผลักดันเขา"
ก่อนจะเริ่มเขียนบทฯ ฮัลได้เดินทางไปที่เท็กซัสเพื่อพบกับไคลน์ "ตอนแรกเขาพูดไม่ค่อยเก่ง" นักเขียนกล่าว "พอถึงช่วงที่ผมกลับ ผมรู้สึกว่าอยากถ่ายทอดเรื่องราวโดยได้ความวางใจจากเขา ตอนที่ผมกำลังจะเดินออกนอกประตูเขาบอกว่า "แต่เรากำลังจะเขียนหนังสือขึ้นมานะ" ตอนแรกดูเหมือนหนังสือจะเป็นตัวอุปสรรค แต่สุดท้ายมันกลายเป็นแหล่งข้อมูลอย่างวิเศษมากครับ"

เซียนนา มิลเลอร์ ผู้รับบท ทายา ไคลน์ เล่าว่า "หัวใจสำคัญคือนี่เป็นเรื่องราวระหว่างมนุษย์สองคน คนหนึ่งต้องทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่และคาดไม่ถึง ต้องห่างไกลจากบ้านและต้องพยายามประคองครอบครัวของเธอไว้ ความรับผิดชอบต่อหน้าที่ของคริสมีความยิ่งใหญ่มากเพราะเขามีนิสัยแบบนั้น เขาเชื่อว่าถ้าเขาอยู่กับครอบครัวจะต้องมีคนตายเพิ่มขึ้น และมันเป็นเรื่องที่ต้องอึดอัดกับเรื่องศีลธรรม ซึ่งมันยากสำหรับเธอเช่นกันค่ะ ฉันคิดว่าทายาเข้าใจสถานการณ์ของเขา เธอพยายามใจเย็น ให้กำลังใจสามี แต่มันอาจเป็นเรื่องยากที่จะจัดการได้เมื่อมีลูกเข้ามาเกี่ยวข้องและลึก ๆ แล้วเราก็แทบจะระเบิด มันทำให้เรื่องราวมีเสน่ห์และเป็นเรื่องสะเทือนใจที่ต้องเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย การได้พบกับทายาทำให้ฉันรู้สึกว่าฉันมีหน้าที่แสดงให้ถูกต้องค่ะ"
ที่มา : http://movie.kapook.com/view109960.html
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น