วันอาทิตย์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2558

มะขามป้อม

มะขามป้อม


มะข้ามป้อม

        มะขามป้อม ภาษาอังกฤษ คือ “Indian Gooseberry” ส่วนมะขามป้อมชื่อวิทยาศาสตร์จะใช้คำว่า “Phyllanthus emblica Linn.” เป็นสมุนไพรที่ชาวอินเดียใช้มา หลายพันปีแล้ว เพราะยาอายุวัฒนะ ซึ่งชาวอินเดียเรียกสมุนไพรหรือผลไม้ชนิดนี้ว่า Amalaka แปลว่า “พยาบาล” ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าสรรพคุณของมะขามป้อมนั้นมีมากมายเหลือเกินและเป็นผลไม้ประจำ จังหวัดสระแก้วอีกด้วย

        มะขามป้อมจัดเป็นผลไม้เพื่อสุขภาพและเป็นสมุนไพรพื้นบ้านอีกชนิดหนึ่งเพราะมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระอย่างวิตามินซีสูงมาก โดยประโยชน์มะขามป้อมหรือสรรพคุณมะขามป้อมนั้นมีมากมาย และยังใช้ เป็นยารักษาโรคบางชนิดได้อีกด้วย เพราะมะข้ามป้อมนั้นอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิดที่ประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น วิตามินเอ วิตามินบี3 วิตามินซี ธาตุแคลเซียม ธาตุฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก และยังประกอบไปด้วย คาร์โบไฮเดรต ใยอาหาร เป็นต้น และคุณรู้หรือไม่ว่าวิตามินซีในน้ำคั้นจากผลของมะข้ามป้อมนั้นมีมากกว่าน้ำส้มคั้นประมาณ 20 เท่า ซึ่งมะขามป้อมลูกเล็กๆ 1 ผล จะมีปริมาณวิตามินซี เท่ากับส้ม 1-2 ผลเลยทีเดียว

ต้นมะขามป้อม

        เนื่องจากมะขามป้อมมีรสเปรี้ยว รสฝาด อาจจะรับประทานยากสักหน่อยสำหรับบางคน การรับประทานมะขามป้อมนั้นควรปรุงรสให้อร่อยด้วยการนำมะขามป้อมมาผ่าเอาเมล็ดออกให้เหลือแต่เนื้อ แล้วนำมาใส่ พริก เกลือ น้ำตาล นำมาตำพอแหลกก็ใช้ได้ แต่ทั้งนี้ควรรับประทานก่อนนอนหรือช่วงตื่นนอนใหม่ๆหรือขณะที่ท้องว่าง สำหรับวิธีลดความฝากของมะขามป้อมนั้นทำได้โดยการนำไปแช่น้ำเกลือด้วยการนำ มะขามป้อมมาล้างให้สะอาดและลวกด้วยน้ำร้อนแล้วนำไปแช่ในน้ำเกลือที่เค็มจัดทิ้งไว้ประมาณ 2 วัน รสฝาดก็จะหายไป

การกระจายพันธุ์

        มะขามป้อมเป็นพืชที่ขึ้นอยู่ทั่วไปในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น ไทย ลาว พม่า เขมร อินเดีย จีน ประเทศไทย พบเห็นขึ้นประปรายเป็นหมู่ๆ ตามป่าเบญจพรรณแล้ง ป่าเต็งรัง และป่าแดงทั่วๆ ไป มีมากทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือ ภาคตะวันออก และภาคกลางของประเทศไทย
การกระจายพันธุ์เกิดขึ้นจากสัตว์ป่าจำพวกเก้งหรือกวาง รวมทั้งมนุษย์ กินลูกมะขามป้อมแล้วทิ้งเมล็ดไกลออกไป ทำให้การกระจายพันธุ์ได้กว้างมากขึ้น



ลักษณะทั่วไปของมะขามป้อม

ต้น มะขามป้อมเป็นไม้ยืนต้น ขนาดกลาง สูงประมาณ ๘-๑๒ เมตร โตเต็มที่วัดโดยรอบของต้นได้ประมาณ ๘๐ เซนติเมตร ลำต้นคดงอ เปลือกนอกสีน้ำตาลอมเทา ผิวค่อนข้างเรียบ เปลือกในสีชมพูสด เรือนยอดแผ่กระจายรูปทรงกลม ปลายกิ่งมักลู่ลง พุ่มใบโปร่ง เนื้อไม้สีแดงอมน้ำตาล
ใบ มะขามป้อมมีใบเป็นช่อ แต่ละช่อมีใบย่อยเล็กๆ รูปขอบขนานติดเป็นคู่ๆ เยื้องๆ กัน ปลายใบมน มีรอยหยักเว้าเล็กน้อย ขอบใบเรียบ สีเขียวอ่อน กว้าง ๐.๒๕-๐.๕๐ เซนติเมตร ยาว ๐.๘-๑.๒ เซนติเมตร เรียงชิดกัน ก้านใบสั้นมาก ใบย่อยจำนวน ๒๒ คู่ เส้นใบไม่ชัดเจน เส้นกลางใบเห็นได้รางๆ
ดอก มะขามป้อมมีดอกเล็ก สีขาวนวล แยกเพศกัน แต่เกิดบนกิ่งและต้นเดียวกัน ออกดอกตามง่ามใบ ๓-๕ ดอก มีกลีบรองดอก ๖ กลีบ ดอกเพศผู้มีเกสรเพศผู้ ๓ อัน ฐานรองดอกมี ๖ แฉก ดอกเพศเมีย มีฐานรองดอกเป็นรูปถ้วย ขอบถ้วยหยัก รังไข่มี ๓ ช่อง หลอดท่อรังไข่ปลายแยกเป็น ๒ แฉก ไม่เท่ากัน
ผล กลม มีเนื้อหนา เส้นผ่าศูนย์กลาง ๑.๒-๒ เซนติเมตร ผลอ่อนมีสีเขียวอ่อน ผลแก่มีสีเขียวค่อนข้างใส มีเส้นริ้วๆ ตามยาวพอสังเกตได้ ๖ เส้น เนื้อกินได้ มีรสฝาด เปรี้ยว ขม และอมหวาน เปลือกหุ้มเมล็ดแข็ง ๖ สัน มี ๖ เมล็ดใน ๑ ผล
ระยะเวลาในการออกดอกและเป็นผล ประมาณเดือนกันยายน และเป็นผลประมาณเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม-มกราคม-กุมภาพันธ์

การขยายพันธุ์ นิยมใช้เมล็ดที่กระตุ้น ด้วยความร้อนก่อนที่จะนำไปเพาะ


ประโยชน์ของมะข้ามป้อม

      1. นิยมนำมารับประทานเพื่อให้สดชื่น ชุ่มคอ แก้กระหาย
      2. วิตามินซีในมะขามป้อมสามารถดูดซึมได้เร็วกว่าวิตามินซีชนิดเม็ดเป็นอย่างมาก
      3. ใช้บำรุงผิวหน้าให้ขาวสดใส รักษาฝ้า ด้วยการนำมะขามป้อมมาฝนกับฝาละมีแล้วนำน้ำที่ได้มาทาบริเวณรอยฝ้า
      4. ช่วยบำรุงสุขภาพผิวพรรณ ชะลอการเกิดริ้วรอย
      5. ช่วยบำรุงและรักษาเส้นผมให้มีสุขภาพแข็งแรง ผมนุ่มลื่น ป้องกันผมหงอก ด้วยการทอดมะขามป้อมกับน้ำมันมะพร้าว แล้วเอาน้ำมันมาหมักผม
      6. ช่วยบำรุงและรักษาสายตา
      7. ช่วยในการบำรุงประสาทและสมอง
      8. มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง
      9. เป็นผลไม้ที่ช่วงบำรุงร่างกายได้เป็นอย่างดี โดยช่วยบำรุงอวัยวะแทบจะทุกส่วนของร่างกาย
      10. ช่วยบำรุงโลหิตได้เป็นอย่างดี
      11. มะขามป้อมมีเป็นยาแก้หวัด แก้ไอ และละลายเสมหะได้อีกด้วย โดยใช้ผลสดประมาณ 30 ผล นำมาคั้นเอาน้ำหรือนำมาต้มทั้งผลแล้วนำดื่มแทนน้ำ ทั้งนี้ควรเลือกมะขามป้อมที่แก่จัดผิวออกเหลืองจะได้ผลดีที่ สุดในการรักษาอาการไอและหวัด
      12. ใบสดมะขามป้อม นำมาต้มน้ำอาบลดอาการไข้
      13. มะขามป้อมมีฤทธิ์ในการต่อต้านการเกิดโรคมะเร็ง
      14. มะขามป้อมตัวช่วยในการลดคอเลสเตอรอล ลดน้ำตาล ลดไขมันในเลือดได้ด้วย
      15. ช่วยรักษาและป้องกันการเกิดโรคเลือดออกตามไรฟัน
      16. ใช้แก้อาการปวดฟันได้ ด้วยการใช้ปมกิ่งก้านต้มกับน้ำ แล้วนำมาอมบ้วนปากบ่อยๆ
      17. รสเปรี้ยวของมะขามป้อมช่วยในการละลายเสมหะและบำรุงเสียงได้เป็นอย่างดี
      18. รากแห้งมะขามป้อม นำมาต้มดื่มแก้อาการท้องเสีย ร้อนใน ความดันโลหิต
      19. ช่วยในการป้องกันการเกิดโรคเบาหวาน
      20. ช่วยลดอาการแทรกซ้อนทางตาจากโรคเบาหวานได้อีกด้วย
      21. มะขามป้อมเป็นส่วนประกอบใช้สำหรับการรักษาและป้องกันไข้วัดใหญ่ วัณโรครักษาภาวะของโรคเอดส์
      22. มะขามป้อมแห้ง ช่วยรักษาโรคบิด ใช้ล้างตา รักษาตาแดง ตาอักเสบได้
      23. มะขามป้อมแห้ง เมื่อนำมาผสมน้ำสนิมเหล็กจะช่วยแก้โรคดีซ่านได้
      24. มะขามป้อมช่วยป้องกันและรักษาโรคความดันโลหิตสูง
      25. ช่วยรักษาโรคคอตีบ
      26. ช่วยบำรุงปอด หลอดลม หัวใจ และกระเพาะ
      27. เมล็ดมะขามป้อม เมื่อนำมาตำเป็นผงชงกับน้ำร้อนดื่มช่วยรักษาโรคหอบ หืด หลอดลมอักเสบ อาการคลื่นไส้อาเจียนได้
      28. ช่วยป้องกันการเกิดแผลในกระเพาะอาหาร


มะขามป้อมแช่อิ่ม


      1. วัตถุดิบ ที่ต้องเตรียม มะขามป้อมสด 1 กิโลกรัม / เกลือป่น 1 ช้อนโต๊ะ / น้ำตาลใส 4 ช้อนโต๊ะ / น้ำปูนใส
      2. ล้างมะขามให้สะอาด แล้วใช้มีดฝานตามยาวของผลให้ทั่ว แต่ไม่ต้องให้ถึงเมล็ด
      3. นำเกลือป่นมาใส่หม้อ ใส่น้ำพอประมาณ แล้วต้มจนเดือด เสร็จแล้วนำมาทิ้งไว้ให้เย็น แล้วนำมะขามป้อมแช่ในน้ำเกลือทิ้งไว้ 1 คืน รุ่งเช้าให้นำมะขามป้อมมาล้างน้ำให้สะอาด แล้วแช่ในน้ำปูนใสประมาณ 3 ชั่วโมง น้ำปูนใสได้จากการแช่ปูนแดง แล้วทิ้งไว้ให้ปูนนอนก้น ตักเอาแต่น้ำใสๆมาแช่มะขามป้อม
เมื่อแช่จนครบกำหนด นำมาล้างน้ำอีกครั้ง แล้วใส่กระชอนให้สะเด็ดน้ำ ต้มน้ำตาลทรายและใส่น้ำ ต้มให้น้ำเดือด แล้วกรองให้สะอาด ทิ้งไว้ให้เย็น หลังจากนั้นนำมะขามป้อมมาแช่ในน้ำเชื่อมปิดฝาทิ้งไว้ 1 คืน
      4. วันที่ 2 มานำมะขามป้อมขึ้นจากน้ำเชื่อม แล้วเติมน้ำตาลลงในเชื่อมแล้วต้มให้น้ำตาลละลาย เมื่อน้ำเชื่อมเย็นแล้ว นำมะขามป้อมแช่อีกรอบ และทำเช่นนี้จนครบ 2 ครั้ง
      5. วันที่ 5 นำมะขามป้อมออกเอาแต่น้ำเชื่อมไปต้มให้เดือด ทิ้งไว้จนเย็น แช่มะขามป้อมใส่น้ำเชื่อมอีกจนกระทั่งน้ำเชื่อมซึมเข้าเนื้อมะขามป้อมจนเห็นเป็นเนื้อใสๆ เป็นอันเสร็จรับประทานได้เลย

ที่มา : http://frynn.com/%E0%B8%A1%E0%B8%B0%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%9B%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%A1/
: http://www.doctor.or.th/article/detail/1901

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น